Ad

วันอังคารที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2565

ชะมดเชียง สรรพคุณของชะมดเชียง

สนใจสิ้นค้า คลิปที่รูป
สนใจสินค้าคลิปที่รูปภาพ


🎉 น้ำหอมชะมดเชียง  เป็นน้ำหอที่มีกลิ่นหอมที่สุดในโลกนี้และโลกหน้า ดังที่ท่านศาสดามูฮัมหมัด (ซ.ล.) กล่าวว่า "น้ำหอมที่ดีที่สุดคือน้ำหอมชะมดเชียง" (โดยมุสลิม)

น้ำหอมชะมดเชียง  ยังถูกกล่าวในหลายๆ หาดิษที่ซอแฮห์  และเรื่องราวของบราดานักซูฟี และบรรดาคนซอและห์ 

🎉น้ำหอมชะมดเชืองมีนความพิเศษอย่างไร?
จากการศึกษาของนักวิทยาศาสตร์อิสลาม โดยเฉพาะอิหม่าม อิบน์ กอยยิม อัลเญาซียาห์  และผู้เชี่ยวชาญอื่นๆ พบว่า น้ำหอมชะมดเชียง มีประโยชน์มากมาย ได้แก่ กลิ่นหอม เป็นอาหารของจิตวิญญาณ ในขณะที่ชะมดเชียงให้กลิ่นหอมและกลิ่นหอมที่ดีที่สุด

ประโยชน์ของ น้ำหอมชะมดเชียง(Kasturi Kijang) แท้
- เอาชนะการถูกรบกวนของญิน, มายากลุณไซย์, สันเตา& สากอ
- เอาชนะฮิสทีเรีย(โรคจิตเวชประเภทหวาดผวา)
- ปลุกคนเป็นลม
- ทำจิตใจให้สงบ
- ขจัดความประหม่า
- ขจัดความกลัวและความวิตกกังวล
- ขจัดอาการใจสั่น
- ตรัสรู้จิตใจ
- บรรเทาอาการหายใจลำบาก
- บรรเทาอาการเมื่อยล้า (หอบหืด)
- เสริมสร้างอวัยวะภายใน
- กำจัดลมส่วนเกินในร่างกาย
- ถวายพิษหรือพิษจากสัตว์
- ป้องกันการระบาดของโรค
- หลีกเลี่ยงจังหวะ
- บรรเทาอาการปวดหัว
- ป้องกันยุงและแมลงกัดต่อย
🎉สรรพคุณของชะมดเชียง ได้แก่ Calming the soul
🌸บำรุงสมองและบำรุงสมอง
🌸 ขจัดความกลัวและความกังวล 
🌸ขจัดอาการใจสั่น
🌸กำจัดอาการหายใจถี่ หัวใจเต้นแรง
🌸 ขจัดความรู้สึกเมื่อยล้า
🌸 การฟื้นคืนชีพของคนที่หมดสติไปแล้ว
🌸 เสริมสร้างอวัยวะภายนอกของร่างกาย
🌸 เสริมสร้างอวัยวะในร่างกาย 
🌸ขจัดการสั่น 
🌸ขจัดความรู้สึกเย็นในร่างกาย 
🌸กำจัดลมส่วนเกินในร่างกาย
🌸 ถอนพิษหรือพิษจากสัตว์
🌸 บรรเทาอาการปวดเมื่อปัสสาวะ
🌸 ล้างตาขาว
🌸 ทำหน้าที่รักษาสุขภาพโดยรวม 
🌸ป้องกันการระบาดของโรค 
🌸ยืดอายุ
--------------------------------------------
สามารถกำจัดญินมารร้ายได้ โดยการใช้พร้อมกับการรุกยะห์
ตามที่อิหม่าม Syafie R.A.  ว่าในบรรดาสิ่งที่สามารถเสริมสร้างร่างกายโดยการดมกลิ่นที่มีกลิ่นหอม (เช่นน้ำหอมชะมดเชียง)  ทุกอย่างเป็นไปตามพระประสงค์และการอนุญาตของพระเจ้า
“เมื่อข้าพเจ้าเดินอยู่ในสรวงสรรค์ ข้าพเจ้าอยู่บนแม่น้ำซึ่งสองด้านเป็นโดมที่ทำจากไข่มุกที่จมอยู่  แล้วฉันก็ถามว่า 'นี่คือกาเบรียลใช่หรือไม่' ญิบรีลตอบว่า 'นี่คืออัลเกาสตาร์ซึ่งมอบให้เธอ' จากนั้นทูตสวรรค์ก็ตีด้วยมือของเขา ดังนั้นฉันจึงเห็นว่าพื้นดินเป็นกลิ่นหอมของน้ำมันชะมดเชียง"  (บรรยายโดยบุคอรีและอะหมัด)
  “แท้จริงกลิ่นปากของผู้ที่ถือศีลอดกับอัลลอฮ์ในวันกิยามะฮ์นั้นหอมกว่าน้ำมันชะมดเสียอีก”  (บรรยายโดยบุคอรี มุสลิม ติรมีซี นาซาอีย์ และอิบนุมาญะฮ์)  “จงเรียนรู้อัลกุรอานและอ่านมัน เพราะคนที่เรียนอัลกุรอานและกล่าวถึงมันในการละหมาดตะฮัจญุดก็เหมือนภาชนะเปิดและเต็มไปด้วยชะมดเชียง กลิ่นที่แผ่ไปทั่วสถานที่และบุคคลที่ศึกษาอัลกุรอานแต่เขา หลับใหลและอัลกุรอานอยู่ในใจเหมือนภาชนะที่เต็มไปด้วยชะมดเชียงแต่ปิดไว้”  (HR. Tirmidhi, Nasa'I, Ibnu Majah, Ibnu Hiban.)

#kasturi #kasturikijang #kasturikijangpure #minyakkasturi #minyakkasturikijang # parfumoriginal #parfumnonalkohol #fragrance #perfume #nabi #น้ำหอมแห่งสวรรค์
---------++++++++++++++++++-------------------


วันพฤหัสบดีที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

ประโยชน์ต่อสุขภาพของฮับบะตุซเซาดะห์จากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์



   ✍️    น้ำมันฮับบะตุซเซาดะห์ (Black Seed Oil) ผลิตจากเมล็ดพืช 'Nigella Sativa' ซึ่งเป็นของตระกูลพืช 'ranunculus' (Ranunculaceae) หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ "habbatussauda" พืชชนิดนี้เติบโตในเอเชียตะวันตก เมดิเตอร์เรเนียน และแอฟริกาเหนือ เมล็ดนี้ได้รับการปลูกฝังอย่างกว้างขวางมานานหลายศตวรรษเพราะเมล็ดของมันถูกนำไปใช้ในเครื่องเทศสำหรับทำอาหารเช่นเดียวกับในยา

 น้ำมัน ฮับบะตุซเซาดะห์ (น้ำมันยี่หร่าดำ) ทำมาจากเมล็ดสีดำ (nigella sativa) ซึ่งถูกนำมาใช้เป็นยามานับพันปี และถูกกล่าวถึงในหะดีษของท่านศาสดามูฮัมหมัด (ซ.ล.):

     ขณะนี้มีการศึกษาจำนวนมากที่แสดงให้เห็นว่าน้ำมันเมล็ดดำมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างแท้จริง เช่น การป้องกันโรคมะเร็ง เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก และมะเร็งสมอง การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าน้ำมันเมล็ดดำยังช่วยปรับปรุงสุขภาพอวัยวะของตับและช่วยฆ่าเชื้อ 'ภูมิคุ้มกัน' (ซุปเปอร์บัก) เช่น MRSA ที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะทั่วไป

       การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าน้ำมันเมล็ดดำสามารถช่วยควบคุมโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง (ความดันโลหิตสูง) การอักเสบ & คอเลสเตอรอลสูงและโรคอ้วน นอกจากนี้ น้ำมันเมล็ดดำยังดีต่อสุขภาพผิวด้วยการช่วยรักษาสิว กลาก และผมร่วง ตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณซื้อน้ำมันเมล็ดดำธรรมชาติที่มีคุณภาพการรักษาที่ดีที่สุดและออร์แกนิกและได้รับการรับรองจากหน่วยงานด้านสุขภาพเพื่อรับสารอาหารและประโยชน์ของน้ำมันเมล็ดดำนี้

 เนื้อหาของสารออกฤทธิ์ไฟโตเคมิคอลในเมล็ดดำ

 ในวารสารทางการแพทย์ "Egyptian Journal of Biochemistry & Molecular Biology" ในปี 2010 1 ได้ศึกษาผลกระทบของ 'การต่อต้านเชื้อรา' ของน้ำมันเมล็ดดำในเชิงลึกเกี่ยวกับเนื้อหาของน้ำมันเมล็ดดำที่มีส่วนผสมหลัก 3 อย่าง:

 🔬ไทมอล

🔬 ไทโมควิโนน (TQ)

🔬 เตตระไฮโดรควิโนน (THQ)

          จากการศึกษาพบว่าสารทั้งสามชนิดนี้มีผล 100% ต่อเชื้อโรค 30 ชนิด การศึกษายังแสดงให้เห็นว่า TQ (thymoquinone) เป็นสารต้านเชื้อราที่มีศักยภาพมากที่สุดในการต่อต้านการติดเชื้อราในผิวหนัง (dermatophyte) และยีสต์ เมื่อเปรียบเทียบกับ THQ และ Thymol ในขณะที่วัสดุไทมอลนั้นดีสำหรับแม่พิมพ์ (แม่พิมพ์) เมื่อเทียบกับ TQ และ THQ

        การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าน้ำมันเมล็ดดำมีไฟโตเคมิคอลที่ต่อต้านเชื้อราและเชื้อรา และนักวิทยาศาสตร์กำลังศึกษาประสิทธิภาพของน้ำมันนี้ในการต่อสู้กับ 'ซุปเปอร์เจิร์ม' (ซุปเปอร์บัก) ที่สามารถต่อสู้กับยาปฏิชีวนะได้

         ไทโมควิโนน (TQ) เป็นสารออกฤทธิ์ในน้ำมันเมล็ดดำที่ได้รับการศึกษามาตั้งแต่ปี 1960 มีคุณสมบัติต่อต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และต้านมะเร็ง ซึ่งได้รับรายงานว่ามีประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อในสมอง (ไข้สมองอักเสบ) โรคเบาหวาน โรคหอบหืด และการเติบโตของเซลล์มะเร็ง (การก่อมะเร็ง) (ข้อมูลอ้างอิง 2) ที่น่าสนใจ TQ ก็เหมือนกับอนุมูลอิสระหรือ 'superoxide radical scavenger' ที่มีประสิทธิผล ยังช่วยเสริมสร้างเอ็นไซม์ต้านอนุมูลอิสระ 'glutathione peroxsidase' (GSH) และ 'glutathione-S-tranferase' ซึ่งเป็นทั้งสารล้างพิษที่สำคัญในร่างกายและยังช่วยระบบป้องกันสารต้านอนุมูลอิสระในเซลล์ร่างกายของเราและปกป้องตับจากความเสียหายอันเนื่องมาจาก สารพิษ (อ้างอิง 3)

สนใจน้ำมันฮับบะตุซเซาดะห์ คลิกที่สินค้า

       Thymohydroquinone (THQ) และ thymoquinone (TQ) เป็นสารธรรมชาติที่มีฤทธิ์ยับยั้ง anticholinesterase inhibitor (AChE) ดังนั้นจึงช่วยรักษาระดับของเอ็นไซม์ 'acetylcholine' ให้ทำงานในสมองได้นานขึ้น ส่วนผสมทางเภสัชกรรมหลายชนิดถูกสร้างขึ้นโดยการสังเคราะห์เพื่อให้มีคุณสมบัติที่คล้ายคลึงกัน ถ้าเรามีตัวเลือกในการใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ ฮับบาตุสเซาดาเป็นตัวเลือกที่ดีกว่า ในบรรดาโรคที่สามารถช่วยได้โดยคุณสมบัติของ anticholinesterase เช่นนี้ (อ้างอิง 4):

 🎉โรคอัลไซเมอร์

 🎉ออทิสติก

 🎉ต้อหิน

🎉 ภาวะสมองเสื่อมในวัยชรา

 🎉พาร์กินสัน

🎉 โรคจิตเภท

 🎉โรคทางระบบประสาท

 🎉โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรง (Myasthenia gravis)

 🎉อาการอิศวรทรงตัว

              ไทมอลเป็นสารออกฤทธิ์ที่พบในสาระสำคัญของน้ำมัน 'โหระพา' ดังนั้นจึงเรียกว่าไทมอล แต่ยังอยู่ในน้ำมันเมล็ดดำซึ่งมีสรรพคุณทางยา มีการศึกษาที่แสดงว่าสารนี้มีประสิทธิภาพในการรักษาโรคติดเชื้อวัณโรคและไวรัส ดังนั้นจึงใช้เป็นสารฆ่าเชื้อหรือยาฆ่าเชื้อ นอกจากนี้ยังใช้เป็นยาฆ่าแมลงตามธรรมชาติ นอกจากนี้ยังใช้ในอุตสาหกรรมอาหารเป็นเครื่องปรุง น้ำหอม น้ำยาบ้วนปาก และเป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง

           ประโยชน์และประโยชน์ของน้ำมันเมล็ดดำ มีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์มากมายที่ตีพิมพ์ในวารสารทางวิทยาศาสตร์การแพทย์ แต่มีข้อดีบางประการที่เด่นชัดกว่าที่ช่วยในเรื่องโรคต่างๆ เช่น เบาหวาน โรคอ้วน ผมร่วง โรคผิวหนัง การติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัส และยังป้องกัน โรคมะเร็ง.

 1. ช่วยป้องกันและต่อสู้กับโรคมะเร็ง

        จากการศึกษา (อ้างอิง 5) เนื้อหาของไฟโตเคมิคอลและสารต้านอนุมูลอิสระในน้ำมันเมล็ดดำสามารถช่วยป้องกันและรักษามะเร็งได้

 นักวิทยาศาสตร์จากโครเอเชียได้ศึกษาเชิงลึกเกี่ยวกับฤทธิ์ต้านมะเร็งของไทโมควิโนนและเตตระไฮโดรควิโนนโดยใช้สัตว์ทดลอง การศึกษานี้แสดงให้เห็นการลดลงของการเติบโตของเซลล์มะเร็งในสัตว์ที่ศึกษาถึง 52%

 การศึกษาในหลอดทดลอง (ข้อมูลอ้างอิง 6) แสดงให้เห็นว่าไทโมควิโนนในเมล็ดดำสามารถทำให้เซลล์ตายจากอะพอพโทติกในเซลล์มะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งเต้านม (ข้อมูลอ้างอิง 7) และมะเร็งสมอง (ข้อมูลอ้างอิง 8)

 ในการศึกษาอื่น (อ้างอิง 9) ที่ศูนย์มะเร็ง Kimmel ซิดนีย์ในปี 2552 แสดงให้เห็นว่าส่วนผสมของไทโมควิโนนในน้ำมันเมล็ดดำสามารถรักษามะเร็งตับอ่อนได้โดยการยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งตับอ่อนเนื่องจากคุณสมบัติต้านการอักเสบของไทโมควิโนน ในการศึกษานี้ แสดงให้เห็นว่าไทโมควิโนนยับยั้งการแสดงออกของสารที่ทำให้เกิดการอักเสบของไซโตไคน์ เช่น TNF-alpha, interleukin-1 beta, interleukin-8, COX-2 และ MCP-1

 2. บำรุงสุขภาพตับ

         ตับเป็นอวัยวะสำคัญในการล้างพิษในร่างกายของเรา สารพิษเกือบทั้งหมดที่เข้าสู่ร่างกายจะถูกส่งไปยังตับเพื่อล้างพิษและตับยังผลิตน้ำดีสำหรับกระบวนการย่อยไขมันหรือน้ำมันในลำไส้ ตับยังมีความสำคัญต่อการผลิตเอ็นไซม์และสารสื่อประสาทต่างๆ เพื่อสุขภาพสมองและร่างกายโดยทั่วไป

      สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการทำงานของตับที่หยุดชะงักจากปัจจัยต่างๆ เช่น ไขมันพอกตับ การแข็งตัวของตับ และอื่นๆ ที่เกิดจากการบริโภคน้ำตาลสูง การดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป และผลข้างเคียงของยาบางชนิด น้ำมันเมล็ดดำสามารถช่วยเร่งการ กระบวนการฟื้นฟูของอวัยวะตับ

      ในการศึกษาหนึ่งครั้ง 10 โดยใช้สัตว์ทดลองแสดงให้เห็นว่าการบริโภคน้ำมันเมล็ดดำช่วยปรับปรุงการทำงานของตับและป้องกันตับถูกทำลายอย่างต่อเนื่องและป้องกันโรคตับถูกทำลาย

 3. ช่วยควบคุมเบาหวาน

         เมล็ดดำยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวานได้เป็นอย่างดี ในบทความที่ตีพิมพ์ใน Journal of Endocrinology and Metabolism ตามการศึกษา (อ้างอิง 11) โดยนักวิทยาศาสตร์จาก Indian Council of Medical Research ได้บรรยายถึงผลกระทบของน้ำมันเมล็ดดำที่สามารถช่วยในการสร้างหรือฟื้นฟูเซลล์เบต้าในตับอ่อน . ค่อยๆ. จึงสามารถฟื้นฟูและเพิ่มการหลั่งอินซูลินตามปกติจากตับอ่อนได้โดยช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น นี่เป็นข้อค้นพบที่น่าสนใจมากเพราะไม่มีสารใดในโลกนี้ที่สามารถช่วยในปัญหาเบาหวานชนิดที่ 1 และ 2 ได้

 จากการศึกษานี้ น้ำมันเมล็ดดำช่วยปรับปรุงการควบคุมกลูโคสราวกับว่าเป็นยารักษาโรคเบาหวานประเภทเมตฟอร์มิน แต่ไม่มีผลข้างเคียงและไม่มีพิษ นี่เป็นข้อค้นพบที่ยิ่งใหญ่เพราะเมตฟอร์มินเป็นยาทั่วไปที่ใช้โดยแพทย์ในการรักษาปัญหาโรคเบาหวานที่มีผลข้างเคียงบางอย่าง เช่น ท้องอืด ท้องร่วงหรือท้องผูก การย่อยอาหารผิดปกติ อิจฉาริษยา ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดท้อง และรบกวนการดูดซึมของ วิตามินบี 12. ถ้าฝึกน้ำมันเมล็ดดำสามารถช่วยผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ นี่เป็นสิ่งที่ดีมาก

 4. ช่วยควบคุมความดันโลหิตสูง

            น้ำมันเมล็ดดำถูกใช้เป็นยาแผนโบราณในตะวันออกกลางมานานหลายศตวรรษ นอกจากนี้ยังมีผลดีในการควบคุมความดันโลหิตสูง

      จากการศึกษา (อ้างอิง 12) ที่ตีพิมพ์ใน Phytotherapy Research ในปี 2013 พบว่าน้ำมันเมล็ดดำสามารถควบคุมความดันโลหิตได้ดี การศึกษานี้เป็นการศึกษาแบบสุ่มแบบ 'ปกปิดทั้งสองด้าน' ที่เกี่ยวข้องกับผู้เข้าร่วม 70 คนที่มีอายุระหว่าง 34 ปีถึง 63 ปี โดยมีความดันโลหิตซิสโตลิกที่ 110 มม.ปรอท ถึง 140 มม.ปรอท และความดันไดแอสโตลิกระหว่าง 60 มม.ปรอท ถึง 90 มม.ปรอท พวกเขาได้รับน้ำมันเมล็ดดำแบบสุ่มขนาด 2.5 มล. และน้ำมันพาราฟินเหลวเป็นยาหลอกวันละสองครั้งเป็นเวลา 8 สัปดาห์ การศึกษาได้ศึกษาพารามิเตอร์ความดันโลหิตซิสโตลิกและไดแอสโตลิก ดัชนีมวลกาย (BMI) การตรวจเลือดสำหรับการทำงานของตับและไต

       บทสรุปของการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าการรับประทานน้ำมันเมล็ดดำช่วยลดความดันโลหิตได้มาก นอกจากนี้ ยังให้ผลบวกต่อการทดสอบการทำงานของตับและไต ในระดับปานกลาง และไม่มีผลต่อการลดความดันโลหิตในผู้ป่วยสูงอายุและ มีประวัติความดันโลหิตสูงเป็นเวลานาน

          การศึกษาอ้างอิง 13 ฉบับที่ตีพิมพ์ในวารสารเภสัชวิทยาคลินิกขั้นพื้นฐานปี 2551 แสดงให้เห็นว่าการบริโภคน้ำมันเมล็ดดำสามารถช่วยในการควบคุมความดันโลหิตสูงในผู้ป่วยที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ดังนั้นจึงสามารถเป็นอาหารเสริมเพิ่มเติมสำหรับผู้ป่วยความดันโลหิตสูงได้ทุกวันโดยดื่มเพียง 2.5 มล. เพื่อพยายามควบคุมความดันโลหิตสูง

 5. ช่วยลดน้ำหนัก

 น้ำมันเมล็ดดำสามารถช่วยลดน้ำหนักได้จากการศึกษา (อ้างอิง 14) ที่ตีพิมพ์ในวารสารโรคเบาหวานและความผิดปกติของระบบเมตาบอลิซึม ซึ่งทำการทบทวนผลการศึกษาอย่างเป็นระบบเกี่ยวกับการเขียนการศึกษาเกี่ยวกับสารจากพืชที่มีฤทธิ์ต้านโรคอ้วน ข้อสรุปจากการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าน้ำมันเมล็ดดำเป็นหนึ่งในวิธีการรักษาตามธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพในการช่วยลดน้ำหนัก

 การศึกษาอย่างเป็นระบบอีกฉบับหนึ่ง (เอกสารอ้างอิง 15) และการวิเคราะห์เมตาที่ตีพิมพ์ในปี 2018 ได้ทบทวนข้อสรุปของการศึกษาทดลองทางคลินิกที่ควบคุมด้วยยาหลอก 11 ชิ้นซึ่งแสดงให้เห็นว่าการบริโภคน้ำมันเมล็ดดำสามารถช่วยลดน้ำหนักได้ การบริโภคน้ำมันเมล็ดดำสามารถลดดัชนีมวลกาย (BMI) และรอบเอวได้ จากการศึกษาครั้งนี้ ไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อการบริโภคน้ำมันเมล็ดดำในการศึกษาที่ดำเนินการ

 6. สุขภาพผิวและความงาม

         ในการศึกษาที่ดำเนินการในอิหร่าน พบว่าน้ำมันเมล็ดดำมีประสิทธิภาพมาก เช่นเดียวกับครีมเบตาเมทาโซนสเตียรอยด์ในการรักษากลากที่มือโดยไม่มีผลข้างเคียงของครีมสเตียรอยด์ ตราบใดที่คุณไม่แพ้น้ำมันเมล็ดดำ ตัวเลือกนี้จะดีกว่า

       ครีมเบตาเมทาโซนสเตียรอยด์มีผลข้างเคียงหากใช้มากเกินไปและต่อเนื่อง เช่น ใบหน้าบวม ชาที่ริมฝีปาก ปากและลำคอ หายใจลำบาก ผิวบาง ผิวเปลี่ยนสี ช้ำง่าย ผิวคล้ำ กล้ามเนื้ออ่อนแรง และ คูชิงกอยด์ ซินโดรม

         ดังนั้น ฉันชอบที่จะใช้ส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติมากกว่าและไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตราย

 7. สุขภาพผมและความงาม 

          นอกจากจะส่งผลดีต่อผิวแล้ว น้ำมันเมล็ดดำยังดีต่อสุขภาพและความงามของเส้นผมและหนังศีรษะอีกด้วย ดังนั้นน้ำมันเมล็ดดำจึงถูกใช้เป็นส่วนประกอบสำคัญในผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม เช่น แชมพูและน้ำมันใส่ผม

 มีสารออกฤทธิ์ที่เรียกว่า 'ไนเจลโลน' ซึ่งได้รับการพิสูจน์แล้วจากการศึกษาวิจัย (อ้างอิงที่ 16) ซึ่งมีผลเช่นเดียวกับการต่อต้านฮีสตามีน ดังนั้นจึงสามารถช่วยลดผลกระทบของการหลุดร่วงของเส้นผมอันเนื่องมาจากปัญหาต่างๆ เช่น ศีรษะล้านจากแอนโดรเจนและศีรษะล้าน . ด้วยส่วนผสมของสารต้านแบคทีเรีย ต่อต้านอนุมูลอิสระ และต้านการอักเสบ นอกจากนี้ยังช่วยลดปัญหารังแค ความแห้งกร้านของหนังศีรษะ และปรับปรุงสุขภาพของเส้นผมและหนังศีรษะทางอ้อม

 8. เพิ่มความอุดมสมบูรณ์

      น้ำมันเมล็ดดำยังมีคุณประโยชน์และสารอาหารเพื่อเพิ่มการเจริญพันธุ์สำหรับผู้ชาย ในการศึกษาหนึ่ง (เอกสารอ้างอิง 17) การทดลองทางคลินิกที่ควบคุมด้วยยาหลอกแบบสุ่ม 'ปกปิดสองครั้ง' ได้ตรวจสอบว่าน้ำมันเมล็ดดำสามารถช่วยในปัญหาภาวะมีบุตรยากของผู้ชายที่มีตัวอสุจิผิดปกติหรือไม่ ผู้เข้าร่วมกลุ่มควบคุมได้รับน้ำมันเมล็ดดำ 2.5 มล. และผู้เข้าร่วมในกลุ่มยาหลอกได้รับน้ำมันพาราฟินเหลวในปริมาณเดียวกันวันละสองครั้งเป็นเวลา 2 เดือน การศึกษานี้พบว่ากลุ่มผู้เข้าร่วมที่รับประทานน้ำมันเมล็ดดำมีจำนวนอสุจิเพิ่มขึ้น การเคลื่อนที่ของอสุจิ และปริมาณน้ำอสุจิ

 การศึกษาทบทวนอย่างเป็นระบบ (เอกสารอ้างอิง 18) ที่ตีพิมพ์ในวารสารเวชศาสตร์สมุนไพร ยังได้ตรวจสอบผลกระทบของน้ำมันเมล็ดดำต่อผลกระทบต่อระดับภาวะเจริญพันธุ์ของผู้ชายและการเอาชนะปัญหาภาวะมีบุตรยากของผู้ชาย นักวิจัยประเมินการศึกษาทั้งหมดที่ดำเนินการระหว่างปี 2543 ถึง พ.ศ. 2557 และสรุปว่าน้ำมันเมล็ดดำมีผลดีต่อปริมาณสเปิร์มทั้งหมด การผลิตน้ำอสุจิทั้งหมด เซลล์เลย์ดิกในอัณฑะ อวัยวะสืบพันธุ์ และระดับฮอร์โมนทางเพศ

 9. ควบคุมการอักเสบและคอเลสเตอรอลสูง

       น้ำมันเมล็ดดำมีผลดีต่อการควบคุมคอเลสเตอรอลและการอักเสบในร่างกาย สิ่งนี้อิงจากการศึกษา (อ้างอิง 19) โดยใช้แบบจำลองสัตว์ที่ตีพิมพ์ในปี 2560 ในวารสารการแพทย์ทางเลือกและเสริมตามหลักฐาน ในการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่าการบริโภคน้ำมันเมล็ดดำมีฤทธิ์ต้านเบาหวาน และยังช่วยควบคุมคอเลสเตอรอลในเลือดโดยการลดระดับ LDL และเพิ่มระดับ HDL-C

        การศึกษาแบบสุ่ม 'ปกปิดสองครั้ง' อีกเรื่องหนึ่งเกี่ยวข้องกับผู้เข้าร่วมที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงเล็กน้อย กลุ่มผู้เข้าร่วมถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มหนึ่งใช้เมล็ดดำ 200 มก. และ 100 มก. ใช้ยาหลอกเพียงวันละสองครั้ง

 การศึกษาได้ดำเนินการเป็นเวลา 8 สัปดาห์ และหลังจากนั้นพบว่ากลุ่มที่รับประทานน้ำมันฮับบทุซเซาดามีภาวะความดันโลหิตสูง ระดับคอเลสเตอรอลรวม และระดับ LDL ในเลือดลดลง

 ในการศึกษา (อ้างอิง 20) การวิเคราะห์อภิมานของการประเมินที่ครอบคลุมซึ่งตีพิมพ์ใน International Journal of Immunopharmacology ในปี 2558 พบว่าสารออกฤทธิ์ในน้ำมันเมล็ดดำคือ thymoquinone มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและช่วยควบคุมการทำงานของภูมิคุ้มกันของร่างกาย (immunomodulatory) คุณสมบัติต้านการอักเสบเหล่านี้มีความสำคัญมากในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดรวมทั้งควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือด

 ดังนั้น โดยสรุป การรับประทานน้ำมันเมล็ดดำสามารถช่วยลดความดันโลหิต น้ำตาลในเลือด การอักเสบเรื้อรัง และคอเลสเตอรอลในเลือดโดยทั่วไป

 สำคัญมากในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดรวมถึงการควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในเลือดก่อนหน้านี้

 ป้องกันแบคทีเรีย ป้องกันแบคทีเรีย และภูมิคุ้มกันเชื้อโรค (MRSA)

 ขณะนี้มีปัญหาในโรงพยาบาลเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของซุปเปอร์เจิร์มที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะที่มีอยู่ เชื้อโรคเหล่านี้สร้างปัญหาให้กับผู้ป่วยที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเบาหวาน และผู้ป่วยใน ICU

 ปัญหาหลักคือ ผู้ป่วยที่ติดเชื้อแบคทีเรียซูเปอร์แบคทีเรียในร่างกายจะรักษาได้ยากและไม่ได้ผลด้วยยาปฏิชีวนะทั่วไป และมักเสียชีวิตได้ นอกจากนี้ยังปนเปื้อนอุปกรณ์ของโรงพยาบาลที่ใช้และทำให้เกิดการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียไปทั่วบริเวณโรงพยาบาล ภูมิคุ้มกันชนิดหนึ่งเหล่านี้เรียกว่า Methicillin Resistent Staphylococcus Aureus (MRSA)

 ปัญหาของซุปเปอร์เจิร์มหรือเชื้อโรคภูมิคุ้มกันเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญมากที่จะเอาชนะ จากการศึกษาและสถิติ ซุปเปอร์เจิร์ดเหล่านี้เกือบจะทำให้เกิดการติดเชื้อแบคทีเรียที่รักษายาก และคร่าชีวิตผู้คนไปเกือบ 90,000 รายในแต่ละปี สถิติแสดงให้เห็นว่า 5% ถึง 10% ของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในวอร์ดจะติดเชื้อซุปเปอร์แบคทีเรีย ผู้ป่วยที่ติดเชื้อต้องการการรักษาที่ยาวนานขึ้นและการรักษาที่ยากขึ้น และหลายคนไม่ฟื้นตัวซึ่งนำไปสู่ความตายในที่สุด ดังนั้น การค้นหาวิธีรักษาอื่นๆ ที่สามารถออกฤทธิ์และฆ่าเชื้อซุปเปอร์เจิร์กเหล่านี้ได้จึงเป็นความพยายามที่สำคัญมากและควรได้รับการเน้นย้ำ

 จากข่าวการศึกษาพบว่า น้ำมันเมล็ดดำสามารถฆ่าและป้องกันการแพร่พันธุ์ของซุปเปอร์เจิร์จเหล่านี้ได้ จึงเป็นความหวังที่ดีกว่าสำหรับโลกทางการแพทย์ที่จะศึกษาเรื่องนี้ในเชิงลึกมากขึ้น และใช้วิธีนี้เพื่อแก้ปัญหานี้ให้หมดไป

 ในการศึกษา (อ้างอิง 21) ที่ดำเนินการในประเทศปากีสถานที่ตีพิมพ์ในวารสารทางการแพทย์ในปี 2551 พบว่าน้ำมันเมล็ดดำสามารถช่วยฆ่าเชื้อโรค MRSA นี้ได้ ดังนั้นน้ำมันเมล็ดดำนี้จึงสามารถใช้เพื่อควบคุมการติดเชื้อ MRSA เพื่อป้องกันไม่ให้การติดเชื้อกลายเป็นสิ่งที่ควบคุมไม่ได้โดยเฉพาะในโรงพยาบาลทั่วไป

 การศึกษาอื่นได้ดำเนินการที่ Jawaharlal Nehru Medical College ประเทศอินเดีย เพื่อศึกษาประสิทธิภาพของน้ำมันเมล็ดดำในการต่อต้าน 'เชื้อโรคที่ดื้อยาปฏิชีวนะ' หรือ 'super-germs' ร่วมกับยาปฏิชีวนะที่มีอยู่ เช่น Amoxicillin, Gatifloxacin และ Tetracycline

 จากการศึกษานี้ จากการทดสอบ 144 ชนิด (สายพันธุ์) ซึ่งทั้งหมดมีความทนทานต่อยาปฏิชีวนะ หลังจากผสมกับน้ำมันเมล็ดดำ พบว่า 97 ชนิดสามารถต่อต้านน้ำมันเมล็ดดำได้สำเร็จ การศึกษายังแสดงให้เห็นว่าน้ำมันเมล็ดดำมีประสิทธิภาพในการต่อต้านเชื้อโรคในสกุล P.aeruginosa และ S.aureus นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าคุณสมบัติต้านซุปเปอร์แบคทีเรียนี้เกิดจากเนื้อหาของไฟโตเคมิคอลส์ ไทมอล ไทโมควิโนน (TQ) และไทโมไฮโดรควิโนน (THQ) ซึ่งอุดมไปด้วยน้ำมันเมล็ดดำ

แปล่จากบทความจากเว็บไซต์

https://drnorman.com.my/habbatussauda-kelebihannya-kepada-kesihatan/

อ้างอิง....

 1 ทาฮา, ม.; Azeiz, A.Z. อับเดล; Saudi, W. ฤทธิ์ต้านเชื้อราของ Thymol, Thymoquinone และ Thymohydroquinone ต่อยีสต์, Dermatophytes และเชื้อราที่ไม่ใช่ Dermatophyte ที่แยกได้จากผิวหนังและเล็บ การติดเชื้อรา

 2 Woo CC1, Kumar AP, Sethi G, Tan KH. ไทโมควิโนน: ศักยภาพในการรักษาความผิดปกติของการอักเสบและมะเร็ง ไบโอเคมี ฟาร์มาคอล. 2555 15 ก.พ. 83 (4): 443-5

 3 เฮย์ส JD1, พูลฟอร์ด ดีเจ. ตระกูลกลูตาไธโอน S-transferase supergene: การควบคุม GST และการมีส่วนร่วมของไอโซไซม์ในการป้องกันเคมีบำบัดของมะเร็งและการดื้อยา Crit Rev Biochem Mol Biol. 1995; 30 (6): 445-6000.1.s.

วันจันทร์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565

สนับสนุนโฆษณาโดย อะห์ซาญา สโตร์


🌸ที่สนับสนุนการรักษาตามแนวทางนบี โดยเฉพาะโรค #อัยย์ #คุณไสย์ และโดน #ญินรบกวนอื่นๆ

#รุกยะห์ #อัรซัรเอียะห์🌸

🔥#น้ำมันสกัดเย็นฮับบะตุซเซาดะห์ #MinyakHabbatulsauda 100 ML.  ราคา 250 บาท


🔥#น้ำมันกอก #เอ็กตราเวอร์จิง 250 ML. ราคา 129 บาท


🔥#เมล็ดฮับบะตุซเซาดะห์ #BijiHabbatulsauda. 100 G. ราคา 50 บาท


🔥#น้ำหอมกัสตูรีกีญัง  #Kasturikijang 6 ML. ราnา 119 บาท



🔥#น้ำหอมกฤษณาอินเดีย #Gaharu 6 ML. ราnา 119 บาท


🔥#ชาซัยน์นา #Senna Tea 5 ซอง ราคา 59 บาท


📣📣📣สนใจสินค้าทักแชทสอบถามได้📣📣📣

หรือสั่งซือผ่าน Shopee ต่อที่1 รับส่วนลดจากร้าน และต่อที่ 2 ใช้โคดส่วนลดจาก Shopee

สั่vซื้oผ่าน shopee กดเลย : https://shp.ee/at444a9

หรือค้นหาในช็อปปี้ 🔎 AhsazaStore

วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2565

คลิปวินาทีปะทุเดือด ที่ ต.มะรือโบตก







เมื่อเวลา15.30 น.28 ม.ค.65

จนท.นปพ.ร่วม นราธิวาส, ชุดสืบสวน

คดีความมั่นคงจังหวัดนราธิวาส 

ร่วมกับ ฉก.ทพ.45 เข้าบังคับใช้ปิดล้อม

ตรวจค้นในพื้นที่ ต.มะรือโบตก อ.ระแงะ 

จ.นราธิวาส  เกิดการปะทะ ผกร. 

เบื้องต้น จนท.ได้รับบาดเจ็บ  1นาย  และคู่กรณีเสียชีวิต 2 นาย

เหตุเกิดบริเวณ บ้าน บาโงระนะ 

ม.5   ต.มะรือโบตก   อ.ระแงะ จ.นราธิวาส


วันพุธที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2565

คืบหน้าปิดล้อมพื้นที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี กองกำลังติดอาวุธเสียชีวิต 2 จนท.เจ็บ 1



       เมื่อวันที่ 20 มกราคม 65 เวลา 06.30 น. พ.อ.ทวีพร คณะทอง หัวหน้าหน่วยปฏิบัติการณ์พิเศษร่วมปัตตานีได้นำกำลัง ทำการปิดล้อมบ้านเลขที่ บ้านเลขที่ 41/1 หมู่ที่ 2 ตำบลละหาร อ.สายบุรี จ.ปัตตานี หลังได้รับแจ้งจากสายข่าวในพื้นที่ว่ามีบุคคลต้องสงสัย จำนวน 2 คนเข้ามาขอหลบซ่อนตัวอยู่ในบ้านหลังดังกล่าวซึ่งเป็นบ้านของชาวบ้าน เจ้าหน้าที่ได้ทำการปิดล้อมบ้านลักษณะเป็นปูนชั้นครึ่ง และได้ตะโกนให้คนภายในบ้านออกมาแสดงตัว กระทั่งมีเจ้าของบ้านและครอบครัวต่างวิ่งหนีออกมาตรงออกมาหาเจ้าหน้าที่ และเมื่อทำการสอบถามทราบว่า ยังมีผู้ต้องสงสัย จำนวน 2 คนยังหลบอยู่ภายในบ้าน 


จนกระทั่งเมื่อเวลา 10.00 น. กองกำลังติดอาวุธทั้งสองคนได้กระโดดออกจากหน้าต่างข้างบ้านพร้อมกับใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่เจ้าหน้าที่เพื่อหวังจะเปิดทางถ่อยออกจากพื้นที่ ทำให้เจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังปิดล้อมต้องหลบคมกระสุนพร้อมกับยิงตอบโต้ จนเกิดการปะทะกันขึ้นเสียงปืนดังสนั่น ผลปรากฏว่าทั้งสองคนถูกวิสามัญเสียชีวิตทันที 2 คน ทราบชื่อ 

1.มัรวาน บิน อาหมัด (นายมารวาน  มีทอ)

2.รอซาลี บิน อับดุลเลาะ (นายรอซาลี เจะเลาะ)


จากการปิดล้อมตรวจค้นครั้งนี้ พอ.ทวีพร คณะทอง เปิดเผยว่า ฝ่ายเจ้าหน้าที่ยังคงใช้มาตราการณ์จากเบาไปหาหนัก โดยการเจรจาเป็นหลัก ตามนโยบายที่ทางแม่ทัพภาคที่ 4 เน้นย้ำเพื่อลดความสูญเสียของทั้งสองฝ่าย ซึ่งการปฏิบัติในครั้งนี้ ทุกฝ่ายรวมไปถึงผู้นำท้องที่ผู้นำศาวนาก็มีความพยายามที่จะเกลี้ยงกล่อมให้ผู้ต้องหาทั้งสองออกมามอบตัวเพื่อออกมาต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม แต่ผู้ต้องหาต่อสู้โดยการกระโดดหน้าต่างพร้อมกับใช้อาวุธยิงใส่เจ้าหน้าที่ทำให้มีการตอบโต้จนผู้ต้องหาเสียชีวิตและมีเจ้าหน้าที่ได้ระบยาดเจ็บเล็กน้อย 1 นาย




วันอังคารที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2565

เกิดเหตุระเบิดรถตำรวจ สภ.จะแนะ



เมื่อ 181545 ม.ค. 65 สภ.จะแนะ ได้รับแจ้งเหตุมีคนร้ายไม่ทราบชื่อและจำนวนลอบวางระเบิดเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.จะแนะ ขณะกำลังออกปฏิบัติหน้าที่สืบสวนอาชญากรรมในพื้นที่ โดยใช้ยานพาหนะรถยนต์หุ้มเกราะของทางราชการ จำนวน 2 คัน ไปตามทางบนถนนสายจะแนะ-ดุซงญอ ม.2 ต./ อ.จะแนะ จว.นราธิวาส เมื่อมาถึงบริเวณก่อนถึงทางแยกเข้าหมู่บ้าน บ.ตือกอ อ.จะแนะ จว.นราธิวาส ห่างจากที่ตั้ง สภ.จะแนะ ประมาณ 2 กม. ได้มีคนร้ายลอบวางระเบิดไว้บริเวณเสาไฟฟ้าข้างทางแล้วกดชนวนระเบิด ขณะรถยนต์คันที่ 1 เคลื่อนที่ผ่าน เป็นเหตุให้เกิดระเบิด เบื้องต้น จนท.ตร. ไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ยานพหานะได้รับความเสียหายบางส่วน รายละเอียดเพิ่มเติมอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวน

เหตุเกิด บริเวณ ทางเข้า บ.ตือกอ ม.7 ต./อ.จะแนะ จว.นราธิวาส 


วันพฤหัสบดีที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2565

โต๊ะคุยเจรจาระหว่างบีอาร์เอ็น และรัฐบาลไทย ตกลง 3 ประเด็นสารัตถะการพูดคุย

การเจรจาสันติภาพอย่างเป็นทางการครั้งที่สามระหว่างแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี (BRN) และรัฐบาลไทย (RTG) ในการแก้ไขความขัดแย้งปาตานีเกิดขึ้น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นเวลา 2 วัน ระหว่างวันที่ 11-12 มกราคม พ.ศ. 2565 นายตันศรีอับดุลราฮิม โมฮัมหมัด นูร์ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกเป็นตัวแทนของรัฐบาลมาเลเซีย

หลังจากชะงักงันเพราะการระบาดของโควิด-19 มาตั้งแต่ปี 2563 การเจรจาสันติภาพ หรือ สันติสุข ระหว่างรัฐไทยและบีอาร์เอ็นมีความคืบหน้าที่สำคัญเมื่อทั้งสองฝ่ายนัดหมายพบปะกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ นับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี และนับเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขชายแดนภาคใต้ของไทยเปิดเจรจาอย่างเป็นทางการระหว่างรัฐบาลไทยกับบีอาร์เอ็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2563.



การเจรจาครั้งนี้มีคณะผู้แทนจากบีอาร์เอ็น นำโดย อนัส อับดุล ราห์มาน จนถึงคณะผู้แทนจากรัฐบาลไทย นำโดย พลเอกวัลลภ รักเสนาะ พร้อมกันยังได้รับการตรวจสอบจากผู้สังเกตการณ์โดยผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ 2 คน ได้แก่ Jonathan Powell จากสหราชอาณาจักร และ Siri Skate จากนอร์เวย์

สรุปจากแถลงการณ์การเจรจาครั้งนี้ ตัวแทนของทั้งสองฝ่าย บีอาร์เอ็นกับรัฐบาลไทยได้บรรลุข้อตกลง ที่มาจากคำแถลงข่าวกับสื่อมาเลเซียซึ่งคำแถลงการณ์ของบีอาร์เอ็นได้แปลโดยฮาร่า ชินทาโร่ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านภาษามลายูชาวญี่ปุ่น ดังต่อไปนี้



1. ตกลงกันที่จะพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสารัตถะ (substantive issues) ที่ได้ส่งไปยังฝ่ายผู้อำนวยความสะดวกล่วงหน้าเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2021 (ประเด็นเหล่านี้) เกี่ยวกับแนวทางแก้ไขทางการเมือง (political solution) การรับฟังความเห็นสาธารณะ (public consultation) และการลดการใช้ความรุนแรงของทั้งสองฝ่าย


2. ตกลงกันที่จะให้มี agreement (ข้อตกลง) เกี่ยวกับหลักการทั่วไปในการเจรจาสันติภาพระหว่างบีอาร์เอ็นกับรัฐบาลไทยเกี่ยวกับประเด็นสำคัญ 


3. ตกลงที่จะกำหนดข้อกำหนด (TOR, terms of reference) และวิธีการต่าง ๆ นำมาใช้ในการปฏิบัติ (implementation) ภาคสนามในอนาคต


4. ตกลงกันที่จะสร้าง Joint Working Group (JWG, คณะทำงานร่วม) ระหว่างบีอาร์เอ็นกับรัฐบาลไทยภายใต้การดูแลของกองเลขานุการ (secretariat) ผู้อำนวยความสะดวก.


.

สามประเด็นสารัตถะและเอกราชปาตานี


ผู้สื่อข่าวมาเลเซียได้ถามคำถาม เกี่ยวกับประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยและถกแถลงหลักการที่จะยึดถือในการพูดคุยสารัตถะในระยะต่อไปจำนวน 3 เรื่อง คือ 1.ลดความรุนแรง 2.การปรึกษาหารือกับประชาชนในพื้นที่ และ 3.แสวงหาทางออกทางการเมือง


ด้านตัวแทนบีอาร์เอ็นได้ให้ความเห็นว่าแนวทางแก้ไขทางการเมือง (political solution) กับการมีส่วนร่วม (participation) เป็นประเด็นหลักในการเจรจาครั้งนี้

“ ประเด็นเหล่านี้เป็นประเด็นหลักที่สำคัญที่พวกเราพูดคุยกับรัฐบาลไทยเกี่ยวกับเรื่องการปกครองที่จะถูกจัดขึ้นที่ปาตานี แต่เรายังไม่ได้พูดคุยว่า ระบบการปกครองนั้นจะมีรูปแบบอย่างไร” นายอานัส กล่าว แปลโดยฮาร่า ชินทาโร่  


ทั้งนี้บีอาร์เอ็นได้ให้ความเห็นต่อประเด็นการลดการใช้ความรุนแรงว่าหลังจากริเริ่มการเจาจาในปี 2020 สถิติเหตุรุนแรงก็ลดลงมากแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากบีอาร์เอ็นประกาศการยุติปฏิบัติการฝ่ายเดียวเมื่อเดือนเมษายน 2020 สถิติการใช้ความรุนแรงก็ลดลงอย่างประจักษ์  


“บีอาร์เอ็นลดปฏิบัติการทางการทหารเพื่อแสดงความเคารพต่อคำร้องขอจากเลขาธิการสหประชาชาติ (ที่เรียกร้องให้มีการหยุดยิงทั่วโลกเพื่อรับมือกับสถานการณ์โรคระบาด) และพวกเราก็ใส่ใจต่อการใช้ชีวิตของประชาชนปาตานีที่ต้องประสบกับสถานการณ์การระบาดโควิดที่ส่งผลกระทบอันหนัก ดังนั้นบีอาร์เอ็นตัดสินใจเพื่อยุติปฏิบัติการทุกรูปแบบที่อาจจะส่งผลเชิงลบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน” 

“พวกเราไม่เรียกการยุติปฏิบัติการทางการทหารเป็นการหยุดยิง (ceasefire) แต่บีอาร์เอ็นจะยุติการโจมตี อย่างไรก็ตาม หากกองกำลังของบีอาร์เอ็นถูกโจมตี พวกเราก็จำเป็นต้องตีกลับ” นายอานัสระบุ

คำถามเรื่องเอกราชนั้นยังคงเป็นนัยยะสำคัญของบีอาร์เอ็นซึ่งได้ให้ความคิดเห็นต่อผู้สื่อข่าวในวันแถลงข่าวว่า “เรื่องของเอกราชนั้นไม่ใช่สิ่งที่เราต้องต่อสู้ แต่นั่นคือสิทธิของประชาชาติทุกประชาชาติ” นายอานัสตอบ.



#Rundingan

#BRN #RGT

#Wartani_NEWS #PATANI 

---------------------------------------------------------------

Let us be the witnesses for peace in PATANI // ร่วมเป็นสักขีพยานเพื่อสันติภาพ ณ ปาตานี // Bersama kita menjadi saksi demi kedamaian di PATANI

วันจันทร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2565

ตร.ยิงวัยรุ่นบาดเจ็บ 2 ราย ด้านผู้การนราธิวาสเผยตั้งข้อหาพยายามฆ่า



จากกรณีโลกโซเชียลเผยแพร่ภาพข่าวเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตันหยง อ.เมือง จ.นราธิวาส ใช้อาวุธปืนยิงใส่รถยนต์ของชาวบ้าน เหตุเกิดช่วงเวลา 02.00 น.ของวันที่ 9 ม.ค.2565 ที่ผ่านมา ทำให้วัยรุ่นอายุ 18 ปีและ 21 ปีได้รับบาดเจ็บสาหัส หลังถูกระบุว่าอาจเป็นการยิงจากเจ้าหน้าที่ที่ตั้งด่านตรวจและจุดสกัดใกล้กับจุดเกิดเหตุ ซึ่งวัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวได้ไปตั้งเเคมป์ปิ้งบริเวณอ่างน้ำเก็บน้ำบ้านพิกุลทอง ต.กะลุวอเหนือ อ.เมืองนราธิวาส ก่อนเกิดเหตุวัยรุ่นได้ขับรถยนต์ออกไปซื้อของกินที่ร้านสะดวกซื้อ เมื่อถึงที่เกิดเหตุมีเจ้าหน้าที่จำนวน 2 นาย เเต่งกายนอกเครื่องเเบบได้เรียกให้จอดรถ เเต่กลุ่มวัยรุ่นไม่ได้จอด เพราะเข้าใจผิดคิดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ จึงทำให้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องเเบบสาดกระสุนใส่รถยนต์ ทำให้วัยรุ่นได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ทั้งยังระบุว่าอาการสาหัส

ทั้งนี้จากข้อมูลสรุปเหตุการณ์ประจำวัน งานการข่าว ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) ประจำวันจันทร์ที่ 10 ม.ค.65 ระบุว่า เมื่อเวลาประมาณ 03.00 น.ตำรวจ สภ.ตันหยง อ.เมืองนราธิวาส รับแจ้งเหตุมีคนร้ายไม่ทราบชื่อ 2 คน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดยิงใส่รถกระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บท - 1646 ปัตตานี เหตุเกิดบนถนนในหมู่บ้าน บ้านกำแพง หมู่ 2 ต.กะลุวอ อ.เมืองนราธิวาส โดยรถยนต์คันดังกล่าวมี นายฟิรฮาน ลาเต๊ะ อายุ 20 ปีเป็นผู้ขับขี่ มีพรรคพวกนั่งมาในรถอีก 4 คน และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย ทราบชื่อภายหลังคือ นายนิอัลฟาร์ เจ๊ะนิ อายุ 18 ปี และนายฮานาฟี มะตาเฮ อายุ 21 ปี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้สรุปสาเหตุของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น  

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่เพื่อหาข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นทั้ง 2 ฝ่าย พบว่าผู้บาดเจ็บทั้ง 2 รายที่นอนรักษาตัวที่ รพ.นราธิวาสราชนครินทร์ อาการปลอดภัยแล้ว ขณะที่ทางด้าน นายอาซือมิง เจ๊ะนิ อายุ 49 ปี บิดาของนายนิอัลฟาร์ เจ๊ะนิ เปิดเผยว่า ปกติแล้วเด็กๆชอบไปตั้งแคมป์ตามประสาเด็กวัยรุ่นทั่วไป โดยในคืนเกิดเหตุ เด็กๆพากันไป 10 กว่าคน มีทั้งเด็กผู้หญิงและเด็กผู้ชายด้วย และเวลาประมาณ 02.00 น. เด็กๆต้องการไปซื้อของกินที่เซเว่น ระหว่างนั้นได้มีตำรวจโบกรถให้จอดแต่ก็ไม่กล้าจอดเพราะคิดว่าเป็นโจร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจเองก็ได้ยิงปืนขึ้นฟ้าไป 1 นัดเพราะต้องการให้รถจอด เมื่อคนขับได้ยินเสียงปืนก็ยิ่งเหยียบคันเร่งไปอีก ตำรวจก็เลยไล่ตาม 

ทางด้าน พลตำรวจตรี แวสาแม สาและ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ว่า หลังทราบเหตุ ตนเองได้เข้าไปสอบถามถึงเรื่องราวดังกล่าว ที่ สภ.ตันหยง โดยได้สั่งการให้ดำเนินการไปตามขั้นตอน ในเบื้องต้นทราบว่าเป็นความเข้าใจผิดของทั้งสองฝ่าย เนื่องจากก่อนหน้านี้ตำรวจ สภ.ตันหยง ได้รับแจ้งว่าจะมีการขนย้ายยาเสพติดเข้ามาในพื้นที่ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ตันหยง จึงได้นำกำลังจำนวน 3 นาย ขี่รถจักรยานยนต์ออกตรวจสอบ ได้พบเห็นรถยนต์กระบะยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ สีบรอนซ์ หมายเลขทะเบียน บท - 1646 ปัตตานี  ขับผ่านมา จึงได้โบกเพื่อให้จอดเพื่อจะขอตรวจสอบ แต่รถกระคันดังกล่าวได้เหยียบคันเร่งหนี ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ขับไล่ตามรถคันกล่าวไปจนถึงบ้านคีรี หมู่ที่ 10 ตำบลกะลุวอเหนือ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ซ้อนท้ายอยู่จึงได้ใช้อาวุธปืน M 16 หวังยิงล้อรถกระบะ แต่วิถีกระสุนได้แฉลบขึ้นและไปถูกกระจกหลัง ซึ่งมีวัยรุ่นนั่งรวมกันมา 5 คน โดยกระสุนได้ถูกนายนิอัลฟาร์ เจ๊ะนิ อายุ 18 ปี และนายฮานาฟี มะตาเฮ อายุ 21 ปี ที่นั่งอยู่ภายในแค็ปหลังคนขับ ได้รับบาดเจ็บ ก่อนที่คนขับจะจอดรถ และเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าไปตรวจสอบ ก่อนให้คนขับนำเพื่อนที่บาดเจ็บส่งโรงพยาบาลนราธิราชนครินทร์ ส่วนอีกสองคน เจ้าหน้าที่ได้ทำการควบคุมตัวไว้เพื่อสอบสวน 

“ทราบว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความเข้าใจผิดระหว่างทั้งสองฝ่าย เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นายแต่งกายนอกเครื่องแบบ ทำให้วัยรุ่นเข้าใจผิดคิดว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจนั้นเป็นโจรที่ตามไล่ยิง ส่วนตำรวจเองก็เข้าใจว่าวัยรุ่นเป็นกลุ่มที่ค้ายาเสพติดตามสายข่าวที่แจ้งมา” 

อย่างไรก็ตาม พลตำรวจตรี แวสาแม สาและ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ยึดอาวุธปืน M 16 จำนวน 1 กระบอกพร้อมปลอกกระสุน 1 ปลอก รวมทั้งรถจักรยานยนต์ของเจ้าหน้าที่ และรถยนต์ของผู้เสียหายนำไปตรวจสอบวิถีกระสุนอย่างละเอียด ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้ง 3 นายถูกตั้งข้อหาร่วมกันพยายามฆ่าผู้อื่น แต่จะเจตนาหรือไม่นั้นต้องอยู่ที่การสอบสวนถึงที่สุดต่อไปก่อน ขณะเดียวกันในส่วนของผู้เสียหายจะต้องมีการเยียวยาตามความเหมาะสมเช่นกัน






วันอาทิตย์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2565

กราดยิงรถเยาวชน เเคมป์ปิ้ง บาดเจ็บสาหัส 2 คน



เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2565 กลางดึกของเวลาประมาณ 01.00 ได้เกิดเหตุกราดยิงรถยนต์ เยาวชน บาดเจ็บ 2 นาย
สืบเนื่องจากเวลาดังกล่าว เเหล่งข่าวได้เล่าเรื่องให้กับสำนักสื่อ Wartani เยาวชนได้ไปเเคมป์ปิง พอถึงเวลากลางดึกได้ขับรถยนต์ออกไป เพื่อไปซื้ออาหารที่ 7-11 (เซเว่น) เเละเมื่อถึงที่เกิดดเหตุมีเจ้าหน้าที่จำนวน 6-7 คน เเต่งกายนอกเครื่องเเบบได้เรียกให้จอดรถ เเต่เยาวชนไม่ได้จอด เพราะกลัวเข้าใจผิดคิดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ จึงทำให้เจ้าหน้าที่นอกเครื่องเเบบสาดกระสุนใส่รถเยาวชนดังกล่าว เเละทำให้เยาวชนไปรับบาดเจ็บสองคน
ทราบชื่อ
1.ฮานาฟี มะตาเห อายุ 22
2.นิอัลฟา เจ๊ะนิ อายุ 19 ปี
ได้รับบาดเจ็บสาหัส
เหตุเกิด ณ. ที่ บริเวณ อ่างเก็บน้ำ พิกุลทอง อ.เมือง นราธิวาส
ทราบภายหลังว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เขาตันหยง จังหวัด นราธิวาส
เเละขณะนี้เยาวชนผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์


วันศุกร์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2565

รับแจ้ง มีเหตุ ยิง กำนันตะบิ้ง อ.สายบุรี จ.ปัตตานี

  


รายงานเหตุเบื้องต้น

เหตุ   241

เมื่อ 071845 ม.ค.65 สภ.สายบุรี รับแจ้งจาก รพ.ยุพราชสายบุรี ได้รับผู้ถูกยิงเสียชีวิต 1 ราย ทราบชื่อ นายอดุลย์ ฮารีบิน (สว.กำนันตะบิ้ง) รายละเอียดเพิ่มเติมอยู่ระหว่างการสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบ

เหตุเกิด บริเวณบ้านเจาะกือแย ม.3 ต.ตะบิ้ง อ.สายบุรี จว.ปัตตานี 


วันพฤหัสบดีที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2565

คลิปวินาที เหตุระเบิด เจ้าหน้าที่ชุดทหารพรานที่ 4304 เดินทางด้วย รยบ.ขนาดกลาง (6 ล้อ) เพื่อมารับสป .3

     เมื่อ 7 ม.ค.65 เวลาประมาณ 09.00 น ได้เกิดเหตุระเบิด เจ้าหน้าที่ชุดทหารพรานที่ 4304 เดินทางด้วย รยบ.ขนาดกลาง (6 ล้อ) เพื่อมารับสป .3 ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร เหตุเกิดบริเวณ ทล.418 จากวงเวียนมะพร้าวต้นเดียว ก่อน ถึงแยกดอนยางประมาณ 1 กม.(ช่วงที่ซ่อมถนน) กำลังพล บาดเจ็บ 3 นาย

     






วันจันทร์ที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2565

ชมคลิปวินาที่ ฐานทหารพราน 4513 โดนถล่ม



เหตุ ว.19 จนท.ทพ.

เมื่อ 031245 ม.ค.65 สภ.ระแงะ รับแจ้งเหตุมีคนร้ายไม่ทราบชื่อ และจำนวน ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาด ยิงใส่ฐาน กองร้อย ทพ.4513 เบื้องต้น จนท.ทพ.ได้รับบาดเจ็บ 3 ราย ถูกนำส่ง รพ.ระแงะ รายละเอียดเพิ่มเติมอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนและตรวจสอบ

เหตุเกิดบริเวณหน้ากองร้อย ทพ.4513 บ้านลาแป ม.2 ต.บองอ อ.ระแงะ จว.นราธิวาส

 **เพิ่มเติม**

กำลังพลของหน่วยเสียชีวิตในที่เกิดเหตุจำนวน 1 นาย ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 นาย ดังนี้

1. ส.ต.เอกชัย มูเก็ม (เสียชีวิตที่เกิดเหตุ) ที่อยู่ 402 ถ.ผังเมือง ต.สะเตง อ.เมือง จว.ยะลา

2. อส.ทพ.นันทวัฒน์ ทองใหญ่  (บาดเจ็บ) ที่อยู่ 59 ต.ขนอม อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช

3. อส.ทพ.มงคล  อัญยะประเสริฐ (บาดเจ็บ) ที่อยู่ 153/12 ต.สุคิริน อ.สุคิริน จ.นราธิวาส


วันอาทิตย์ที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2565

ด่วน ! ลอบยิงฐานปฏิบัติการ ร้อย ทพ.4513 ฉก.ทพ.45 จากนั้นเกิดปะทะกลุ่มคนร้าย



เมื่อ 3 ม.ค.65 เวลา12.45 น.รับแจ้ง

เหตุ คนร้าย ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิด/ขนาด ลอบยิงฐานปฏิบัติการ ร้อย ทพ.4513 ฉก.ทพ.45 จากนั้นเกิดปะทะกลุ่มคนร้าย 

เบื้องต้น จนท.เสียชีวิต 1 นาย บาดเจ็บ 3 นาย เหตุเกิดบริเวณหน้าฐานปฏิบัติการ ร้อย ทพ.4513 พื้นที่ บ.ลาแป ม.2 ต.บองอ อ.ระแงะ จว.น.ธ. พิกัด 47NRG0339185556 

หากมีรายละเอียดเพิ่มเติมจะแต้งให้ทราบต่อไป