การเจรจาสันติภาพอย่างเป็นทางการครั้งที่สามระหว่างแนวร่วมปฏิวัติแห่งชาติมลายูปาตานี (BRN) และรัฐบาลไทย (RTG) ในการแก้ไขความขัดแย้งปาตานีเกิดขึ้น ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ เป็นเวลา 2 วัน ระหว่างวันที่ 11-12 มกราคม พ.ศ. 2565 นายตันศรีอับดุลราฮิม โมฮัมหมัด นูร์ในฐานะผู้อำนวยความสะดวกเป็นตัวแทนของรัฐบาลมาเลเซีย
หลังจากชะงักงันเพราะการระบาดของโควิด-19 มาตั้งแต่ปี 2563 การเจรจาสันติภาพ หรือ สันติสุข ระหว่างรัฐไทยและบีอาร์เอ็นมีความคืบหน้าที่สำคัญเมื่อทั้งสองฝ่ายนัดหมายพบปะกันที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ นับเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ปี และนับเป็นครั้งที่ 3 นับตั้งแต่คณะพูดคุยเพื่อสันติสุขชายแดนภาคใต้ของไทยเปิดเจรจาอย่างเป็นทางการระหว่างรัฐบาลไทยกับบีอาร์เอ็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2563.
การเจรจาครั้งนี้มีคณะผู้แทนจากบีอาร์เอ็น นำโดย อนัส อับดุล ราห์มาน จนถึงคณะผู้แทนจากรัฐบาลไทย นำโดย พลเอกวัลลภ รักเสนาะ พร้อมกันยังได้รับการตรวจสอบจากผู้สังเกตการณ์โดยผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติ 2 คน ได้แก่ Jonathan Powell จากสหราชอาณาจักร และ Siri Skate จากนอร์เวย์
สรุปจากแถลงการณ์การเจรจาครั้งนี้ ตัวแทนของทั้งสองฝ่าย บีอาร์เอ็นกับรัฐบาลไทยได้บรรลุข้อตกลง ที่มาจากคำแถลงข่าวกับสื่อมาเลเซียซึ่งคำแถลงการณ์ของบีอาร์เอ็นได้แปลโดยฮาร่า ชินทาโร่ นักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านภาษามลายูชาวญี่ปุ่น ดังต่อไปนี้
1. ตกลงกันที่จะพิจารณาประเด็นที่เกี่ยวข้องกับประเด็นสารัตถะ (substantive issues) ที่ได้ส่งไปยังฝ่ายผู้อำนวยความสะดวกล่วงหน้าเมื่อวันที่ 10 พ.ค. 2021 (ประเด็นเหล่านี้) เกี่ยวกับแนวทางแก้ไขทางการเมือง (political solution) การรับฟังความเห็นสาธารณะ (public consultation) และการลดการใช้ความรุนแรงของทั้งสองฝ่าย
2. ตกลงกันที่จะให้มี agreement (ข้อตกลง) เกี่ยวกับหลักการทั่วไปในการเจรจาสันติภาพระหว่างบีอาร์เอ็นกับรัฐบาลไทยเกี่ยวกับประเด็นสำคัญ
3. ตกลงที่จะกำหนดข้อกำหนด (TOR, terms of reference) และวิธีการต่าง ๆ นำมาใช้ในการปฏิบัติ (implementation) ภาคสนามในอนาคต
4. ตกลงกันที่จะสร้าง Joint Working Group (JWG, คณะทำงานร่วม) ระหว่างบีอาร์เอ็นกับรัฐบาลไทยภายใต้การดูแลของกองเลขานุการ (secretariat) ผู้อำนวยความสะดวก.
.
สามประเด็นสารัตถะและเอกราชปาตานี
ผู้สื่อข่าวมาเลเซียได้ถามคำถาม เกี่ยวกับประเด็นที่ทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยและถกแถลงหลักการที่จะยึดถือในการพูดคุยสารัตถะในระยะต่อไปจำนวน 3 เรื่อง คือ 1.ลดความรุนแรง 2.การปรึกษาหารือกับประชาชนในพื้นที่ และ 3.แสวงหาทางออกทางการเมือง
ด้านตัวแทนบีอาร์เอ็นได้ให้ความเห็นว่าแนวทางแก้ไขทางการเมือง (political solution) กับการมีส่วนร่วม (participation) เป็นประเด็นหลักในการเจรจาครั้งนี้
“ ประเด็นเหล่านี้เป็นประเด็นหลักที่สำคัญที่พวกเราพูดคุยกับรัฐบาลไทยเกี่ยวกับเรื่องการปกครองที่จะถูกจัดขึ้นที่ปาตานี แต่เรายังไม่ได้พูดคุยว่า ระบบการปกครองนั้นจะมีรูปแบบอย่างไร” นายอานัส กล่าว แปลโดยฮาร่า ชินทาโร่
ทั้งนี้บีอาร์เอ็นได้ให้ความเห็นต่อประเด็นการลดการใช้ความรุนแรงว่าหลังจากริเริ่มการเจาจาในปี 2020 สถิติเหตุรุนแรงก็ลดลงมากแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากบีอาร์เอ็นประกาศการยุติปฏิบัติการฝ่ายเดียวเมื่อเดือนเมษายน 2020 สถิติการใช้ความรุนแรงก็ลดลงอย่างประจักษ์
“บีอาร์เอ็นลดปฏิบัติการทางการทหารเพื่อแสดงความเคารพต่อคำร้องขอจากเลขาธิการสหประชาชาติ (ที่เรียกร้องให้มีการหยุดยิงทั่วโลกเพื่อรับมือกับสถานการณ์โรคระบาด) และพวกเราก็ใส่ใจต่อการใช้ชีวิตของประชาชนปาตานีที่ต้องประสบกับสถานการณ์การระบาดโควิดที่ส่งผลกระทบอันหนัก ดังนั้นบีอาร์เอ็นตัดสินใจเพื่อยุติปฏิบัติการทุกรูปแบบที่อาจจะส่งผลเชิงลบต่อการใช้ชีวิตของประชาชน”
“พวกเราไม่เรียกการยุติปฏิบัติการทางการทหารเป็นการหยุดยิง (ceasefire) แต่บีอาร์เอ็นจะยุติการโจมตี อย่างไรก็ตาม หากกองกำลังของบีอาร์เอ็นถูกโจมตี พวกเราก็จำเป็นต้องตีกลับ” นายอานัสระบุ
คำถามเรื่องเอกราชนั้นยังคงเป็นนัยยะสำคัญของบีอาร์เอ็นซึ่งได้ให้ความคิดเห็นต่อผู้สื่อข่าวในวันแถลงข่าวว่า “เรื่องของเอกราชนั้นไม่ใช่สิ่งที่เราต้องต่อสู้ แต่นั่นคือสิทธิของประชาชาติทุกประชาชาติ” นายอานัสตอบ.
#Rundingan
#BRN #RGT
#Wartani_NEWS #PATANI
---------------------------------------------------------------
Let us be the witnesses for peace in PATANI // ร่วมเป็นสักขีพยานเพื่อสันติภาพ ณ ปาตานี // Bersama kita menjadi saksi demi kedamaian di PATANI